Wednesday, January 20, 2010

จีนอาจแย่งตำแหน่งประเทศที่มีเศรษฐกิจขนาดใหญ่สุดของโลกปี2563


ไพรซ์-วอเตอร์เฮาส์-คู้ปเปอร์ หรือ PWC ซึ่งเป็นบริษัทให้คำปรึกษาที่มีความเชี่ยวชาญจนเป็นที่ยอมรับในภูมิภาค ออกรายงานระบุว่า จีนอาจจะแย่งตำแหน่งประเทศที่มีเศรษฐกิจขนาดใหญ่ที่สุดของโลกไปจากสหรัฐได้ สำเร็จ ภายในปี 2563 อันเป็นการตอกย้ำถึงการเปลี่ยนมืออย่างมโหฬารของการเป็นมหาอำนาจเศรษฐกิจของ โลก จอห์น ฮอว์คเวิร์ธส์ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์มหภาค ระบุในรายงานว่า ในปี 2573 มีแนวโน้มที่อันดับเศรษฐกิจโลกจะเปลี่ยนไปเป็น จีน ตามด้วยสหรัฐ อินเดีย ญี่ปุ่น บราซิล รัสเซีย เยอรมนี เม็กซิโก ฝรั่งเศสและอังกฤษ ในขณะที่ข้อมูลเมื่อปี 2551 ของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ หรือ IMF ได้จัดลำดับให้สหรัฐเป็นอันดับ 1 ตามด้วย ญี่ปุ่น จีน เยอรมนี ฝรั่งเศส อังกฤษ อิตาลี รัสเซีย สเปนและบราซิล
รายงานระบุด้วยว่า อินเดียอาจจะเติบโตเร็วกว่าจีน หลังปี 2563 ขณะที่ตัวเลข GDP ก็เติบโตตามไปด้วย เนื่องจากมีประชากรที่อายุน้อยกว่า และเพิ่มจำนวนประชากรได้รวดเร็วกว่า ซึ่งตรงข้ามกับจีน นอกจากนี้ อินเดียกับจีนยังแย่งส่วนแบ่ง GDP ของโลก ไปจากสหรัฐและสหภาพยุโรปอีกด้วย โดยสัดส่วนของปี 2553 นี้ ส่วนแบ่ง GDP ของสหรัฐอยู่ที่ 20 เปอร์เซ็นต์สหภาพยุโรป 21 เปอร์เซ็นต์ , จีน 13 เปอร์เว็นต์ และอินเดีย 5 เปอร์เซ็นต์ แต่ถ้าเป็นปี 2573จะมีการเปลี่ยนแปลงแบบพลิกผัน จากการที่สหรัฐจะเหลือส่วนแบ่ง GDP แค่ 16 เปอร์เซ็นต์สหภาพยุโรป 15 เปอร์เซ็นต์ , จีน 19 เปอร์เซ็นต์ และอินเดีย 9 เปอร์เซ็นต์

Friday, January 15, 2010

"กูเกิ้ล"แฮปปี้เบิร์ธเดย์"โดราเอม่อน"

หากไม่บอกก็คงไม่มีใครจำได้หรอกว่า วันที่ 3 กันยายน 2112 เป็นวันเกิดของหุ่นยนต์แมวจากโลกอนาคตที่ทั่วโลกรู้จักกันดี นั่นก็คือ โดราเอม่อน (Doraemon) ซึ่งงานนี้ Google ในญี่ปุ่นก็ไม่พลาดที่จะนำภาพของเจ้าแมวหุ่นยนต์มาทำเป็น Google Doodle (แทนโลโกคลาสสิก) บนโฮมเพจ

สำหรับแฟนพันธุ์แท้ของโดราเอมอนที่เห็น Google Doodle ก็คงจะเดาได้ไม่ยากว่า มันมีของวิเศษอะไรบ้างที่ซ่อนอยู่ ซึ่งในที่นี้ก็จะมี ประตูสารพัดสถานที่,คอปเตอร์ไม้ไผ่ และก็ไฟฉายย่อส่วน แต่ของวิเศษทุกอย่างมาจากกระเป๋ามิติที่สี่ที่อยู่บนหน้าท้องของมัน เชื่อว่า หลายคนที่ได้เห็นโดราเอมอนปรากฎตัวบนหน้าเว็บของ Google ก็จะต้องคิดถึงเจ้าแมวจากโลกอนาคตตัวนี้อย่างแน่นอน

เอา ล่ะ เพื่อให้หายคิดถึงกันเล็กน้อย ก็เลยขอแนะนำแก็ดเจ็ตใหม่ล่าสุดของโดราเอม่อน (doraemon) นั่นก็คือ My Doraemon ซึ่งเป็นหุ่นยนต์เพื่อนเล่นขนาดกะทัดรัด (ตั้งบนโต๊ะทำงาน) ที่สามารถโต้ตอบกับผู้เล่นได้ด้วยเสียงพูดของมัน โดยผู้เล่นสามารถจับมือ(แทนสวิทช์) บีบหาง เพื่อให้มันพยักหน้า (หรือส่ายหน้า) พูดจาโต้ตอบ ตลอดจนแสดงอารมรณ์ผ่านลูกตาทั้งสองที่ใช้เทคโนโลยี e-Paper ไฮเทคฯไม่เใช่เล่นเลย นอกจากนี้ มันยังมาพร้อมกับอินฟราเรดที่สามารถตรวจจับสิ่งที่เคลื่อนไหว และหันหน้ามองตามได้อีกด้วย นอกจากฟังก์ชันเหล่านี้แล้ว My Doraemon ยังเทำหน้าที่ป็นนาฬิกาบอกเวลา และเทอร์โมมิเตอร์บอกอุณหภูมิให้เราทราบได้อีกต่างหาก ช่างสมกับเป็นหุ่่นยนต์แมวแห่งอนาคตจริงๆ เลยนะครับ

คุณผู้อ่านทีสนใจอยากได้ My Doraemon ที่จัดทำขึ้นในวาระครบรอบ 35 ปีของโดราเอมอน คงต้องทุบกระปุกกันเลยทีเดียว เพราะราคาของมันคือ 31,500 เยน หรือคิดเป็นเงินไทยก็น่าจะอยู่ที่ประมาณ 12,500 บาทครับ

Sunday, January 10, 2010

จีนแซงหน้าเยอรมนีเป็นผู้ส่งออกสินค้ารายใหญ่สุดของโลก

10 มค. 2553 15:35 น.
สถานีโทรทัศน์กับสำนักข่าวซินหัวของทางการจีนรายงานข่าวในวันนี้ว่า จีนได้แซงหน้าเยอรมนีในการเป็นประเทศผู้ส่งออกรายใหญ่สุดของโลกแล้ว หลังจากสินค้าส่งออกของจีนเพิ่มปริมาณมากขึ้นในเดือนธันวาคม เป็นครั้งแรกในรอบ 14 เดือน และเป็นสัญญานบ่งชี้ใหม่ของการที่จีนกำลังทยานอย่างรวดเร็วขึ้นเป็นมหาอำนาจ ทางเศรษฐกิจของโลก
การส่งออกของจีนในช่วงเดือนสุดท้ายของปีที่แล้วเพิ่มขึ้นร้อยละ 17.7 จากหนึ่งปีก่อนหน้านั้น ทำให้การส่งออกของปีที่แล้วมีมูลค่ารวมทั้งหมดประมาณ 1.2 ล้านล้านดอลลาร์ ( ประมาณ 39 ล้านล้านบาท ) แซงหน้ามูลค่าการส่งออกรวมตลอดปีที่แล้วของเยอรมนี ที่สำนักงานการค้าต่างประเทศของเยอรมนี คือ BGA คาดการณ์ไว้เมื่อเดือนที่แล้ว ว่าจะมีมูลค่ารวมประมาณ 1.17 ล้านล้านดอลลาร์ (ประมาณ 38 ล้านล้านบาท) แต่แม้จีนจะมีปริมาณการส่งออกในปีที่แล้วแซงหน้าเยอรมนีCCTV ของจีนก็รายงานว่ามูลค่าการส่งออกของจีนเมื่อปีที่แล้วลดลงจากปี 2551 ร้อยละ 13.9
บรรดานักเศรษฐศาสตร์และหอการค้าเยอรมนีเคยระบุไว้ก่อนหน้านี้ว่า ประเทศตนมีแนวโน้มว่ากำลังจะเสียตำแหน่งผู้ส่งออกรายใหญ่สุดของโลก สถานภาพใหม่ของจีนในเรื่องนี้ มีความสำคัญในด้านสัญญลักษณ์เป็นส่วนใหญ่ แต่ก็สท้อนขีดความสามารถของบรรดาผู้ผลิตสินค้าต้นทุนต่ำผู้แข็งแกร่งของจีน ที่ยังสามารถส่งออกสินค้าแม้ในยามที่เกิดวิกฤตเศรษฐกิจจนปริมาณการบริโภค สินค้าทั่วโลกตกฮวบ
.